Pages

5/21/2553

สายฟ้ากับฟ้าใส

ค่ำคืนที่ท้องฟ้าไร้แสงจันทร์นั้น เต็มไปด้วยหมู่ดาวน้อยใหญ่แข่งกันกระพริบแสงอย่างขันแข็งในหุบเขาแห่งนี้ ช่างประหลาดนักหนาเมื่อยามที่ฟ้ามืดมิดนี้จะมีแสงสีฟ้า แสงสีขาว แสงสีเหลือง แสงที่ชมพู แสงสีเขียว เป็นเส้นแสงสลับกัน
ไปมา เหมือนมันมีชีวิตจิตวิญญาณอยู่ในแสงนั่นให้เริงระบำกันอย่างสวยงาม กลางเนินหญ้าโล่งๆ พอมองเห็นเด็กน้อยๆ
สองคนนอนดู ลำแสงที่ผลัดกันแสดงลวดลายอยู่
"สีฟ้าสวยจัง" เสียงเด็กหญิงตัวอ้วนกลมผิวขาวตาโตผมดำมัดเปียดังขึ้น
"ฟ้าใส!! มาดูทางนี้สิ" เสียงเด็กชายตัวอ้วนผิวขาวตาตี๋ผมดำเรียกน้องสาวของเขา
"โอโห้ พี่สา่ยฟ้าค่ะ ตรงนี้สีชมพูน้องชอบมากเลยค่ะ" น้องสาวหันหน้ามาบอกพี่ชาย
"ลมเย็น สบายดีจังค่ะ" ฟ้าใสยื่นต้วรับลมที่พัดเอ่ยๆ มากระทบตัวอย่างผ่อนคลาย
"ได้กลิ่นอะไรหรือเปล่า" สายฟ้าทำจมูกสูดกลิ่นนั่นเพื่อหาต้นตอของกลิ่น
"มาสิ ทางนี้ไง"แล้วก็รีบคว้ามือของน้องสาวเดินตามกลิ่นที่ถูกลมพัดมา
พี่ชายเดินนำน้องสาวไปตามทางโล่งๆ ไกลออกไปจากบ้านของทั้งคู่ที่อยู่ใกล้ๆ ทุกทีๆ น้องสาวก็เพลิดเพลินเมื่อยิ่งตามไปก็ยิ่งเห็นแสงสวยงามขึ้น งดงามขึ้น หลากหลายขึ้น พอเดินมาถึงเขตชายป่าพี่ชายก็หยุดชะงั้น
"จะเข้าไปดีไหมน่า" สายฟ้าหันมาถามน้องสาวอย่างไม่แน่ใจ
"เด็กๆเข้าบ้านได้แล้วจร้า" เสียงแม่ดังขึ้นมาไกลๆ
"พี่แม่เรียกแล้วง่ะ" น้องสาวถามพี่ชายแล้วก็มองไปตามแสงนั่น
" ฟ้าใสพี่ไม่ได้กลิ่นนั่นแล้วง่ะ"พี่ชายใช้จมูกพยายามตามกลิ่นทางซ้ายทีทางขวาที แล้วหันไปมองท้องฟ้า
"ดูแสงนั่น มันไปทางโน้นแล้ว" พี่ชายมองตามแสงสีเหลืองที่กำลังพุ่งไปมา อย่างรวดเร็วแล้วก็จับมือน้องสาววิ่งไป
เด็กๆวิ่งตามแสงสีเหลืองที่กำัลังพุ่งไปมา กลับไปทางบ้านของเด็กๆ แล้วทันใดนั่นน้องสาวก็ล้มลงกับพื้นเมื่อสะดุดก้อนหินก้อนหนึ่งเข้า
"อ้าวฟ้าใส "พี่ชายเข้าไปประคองน้องสาวให้ลุกขึ้น
" ดูนี้ซิค่ะพี่" น้องสาวชี้ไปที่ก้อนหินที่สะดุด ทั้งสองก้มลงมองเห็นก้อนหินสีส้มเปล่งแสงสวยงามรูปร่างคล้ายผลส้ม พี่ชายจึงเก็บขึ้นมาดู มองด้านบนมองด้านล่าง
"พี่แม่ตามมาโน่นแล้ว" น้องสาวมองไปเจอแม่กำลังเดินมาทางนี้พอดี
พี่ชายรีบเอาก้อนหินที่เก็บได้ซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนที่แม่จะเดินมาถึง
"เด็กๆ เข้านอนกันได้แล้วนะจร้า"คุณแม่ที่เดินมาบอกเด็กๆ พร้อมจูงมือเด็กๆเข้าบ้าน ระหว่างที่แม่ส่งเด็กๆนอนบนเตียงอยู่ ฟ้าใสก็พูดขึ้นว่า "แม่ค่ะ แม่เคยเห็นก้อนหินที่มีแสงสีส้มไหมค่ะ "
" ก้อนหินที่มีแสงสีส้มหรอกค่ะลูก ว่ากันว่าที่หมู่บ้านเรานี้มีเทพธิดาที่รักษาอยู่ บางครั้งที่เธออย่างมีเพื่อนเล่นขึ้นมา เธอก็จะเสกแสงสีต่างๆ ให้เต็มท้องฟ้า บอกถึงความรู้สึกของเธอ เมื่อใดที่เด็กๆไปดูแสงเหล่านั้นแล้วเจอหินที่มีแสงสีส้มล่ะก็สักวันจะได้พบกับเธอจร้า ปู่เล่าให้แม่ฟังทุกทีก่อนเข้านอนล่ะ" แม่หันไปมองฟ้าใสแล้วยิ้มให้
"สมมุตินะคับแม่ ถ้าแม่เจอก้อนหินสีส้มจริงแม่จะทำไงคับ"สายฟ้าถามแม่
"แม่ก็คงขอให้เทพธิดามาหาแม่ แล้วก็ขอพรจากเธอมั้ง แต่ตอนนี้นอนกันได้แล้วนะจร้า" แม่ทำเสียงดุเด็ก ให้เข้านอน
พอเด็กๆ เข้านอนแล้วแม่ก็ปิดฟ้าออกจากห้องของเด็กๆไป แม่มาถึงที่ห้องนอนก็มองพ่อด้วยสีหน้ากังวน
"มีเรื่องอะไรหรือเปล่าจร้าแม่" พ่อมองดูแม่แล้วจึงถามขึ้น
"เด็กๆถามถึงเรื่องก้อนหินสีส้มนะจร้าพ่อ" แม่หันไปตอบพ่อที่นอนอยู่บนเตียง
"ไม่มีอะไรหรอกจร้าแม่" พ่อตอบแม่แล้วก็นอนหลับไป
ทุกคนเข้านอนกันหมด ใต้หมอนของสายฟ้าหินสีส้มยังคงเปล่งแสงอยู่ แล้วก็มีเสียงดังขึ้นมา เบาๆ
" ช่วยเราหรือเปล่าเด็กน้อยผู้กล้าหาญ เด็กน้อยขี้สงสัยเอ่ย ช่วยเราเราจะตอบแทนเจ้า"
สายฟ้าเมื่อได้ยินเสียงนั่นจึงตื่นขึ้น และมองหาต้นตอของเสียงแล้วก็หาไม่เจอ จึงนอนต่อจนเช้า ตอนเช้าท้องฟ้าสดใส แสงแดดอ่อนๆ เด็กๆ เล่นกันอยู่ที่ริมลำธาร พ่อกับแม่ไปทำงานอยู่ที่ไร่

5/16/2553

ตัดกระดาษสวยๆ











วันนี้เอาภาพตัดกระดาษสวยๆมาฝากกันค่ะ











บ้างคนอาจเคยเห็นแล้ว แต่ที่แน่ๆใครรู้วิธีตัดบอกหน่อยก็ดีนะ



























5/05/2553

วันเริ่มแรก

5 พ.ค. 53 นี้ วันฉัตรมงคล เป็นวันระลึกพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ ,จากวิกีพีเดีย
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
วันนี้เป็นวันหยุดของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ แต่ก็มีบางคนที่พวกเขาต้องไปทำงาน เพราะห้างร้านยังต้องเปิด อาหารก็ยังต้องขาย ยิ่งช่วงวันหยุดอย่างนี้แล้ว คนไปห้างเยอะมากๆ ฉันเป็นคนหนึ่งที่หยุดอยู่ที่บ้าน เช้ากาแฟแก้วหนึ่ง เที่ยงออกไปกินข้าว เอาหนังสือติดไปเล่นหนึ่ง ก็ก่ะว่าจะไปอ่านที่ห้างนั่นแหละ ก้าวยังไม่ทันจะเข้าห้างเลย ทั้งคนทั้งรถ ไม่รู้ว่าจะเยอะมากมายอะไรอย่างนี้ พอเดินเข้าไปในห้าง จะไปนั่งอ่านหนังสือ พอดีมีโต๊ะว่าง เราก็เลยเข้าไปนั่ง นั่งอ่านก็นานล่ะ ไม่สนใจใครเดินผ่านมาแล้วผ่านไป เรานั่งอ่านสบายใจอยู่ๆ ป้าแก่ๆ ตัวอ้วนหน่่อยก็เข้าใจว่าแก่คงเหนื่อยล่ะนะ คงจะเดินซะเมื่อยเลยง่ะ "มีใครนั่งไหมค่ะ " เราตอบ "ไม่ค่ะ" ป้าแก"ขอนั่งด้วยคนนะค่ะ เหนื่อยมากเลย" เราก็ยิ้มและตอบว่า"ค่ะ" เราก็นั่งอ่านหนังสือของเราต่อไป ในความคิดของเรานะป้าแก ก็เป็นคนสุภาพใช่ได้ ไม่ได้รบกวนอะไรมากมาย ก็ดีนะ พอเราอ่านหนังสือไปสักพักหนึ่ง ป้าแกก็ลุกขึ้น และบอกว่า "ขอบคุณค่ะ" โอ้ดีใจนะค่ะที่มีมารยาทมากอย่างนี้ แล้วเราก็อ่านหนังสือต่อ
พอเวลาผ่านไปคนก็เยอะไม่ค่อยมีโต๊ะนั่งอีกแหล่ะ ผู้หญิงสูง ผิวคล้ำนิดๆ เธอเดินมาพร้อมกระเป๋าโน๊ตบุ๊คและข้าวกล่อง เธอบอกว่า "มีคนนั่งไหมค่ะ"เราตอบ "ไม่มีค่ะ" เธอก็นั่งลงพร้อมวางกระเป๋าโน๊คบุ๊คของเธอลงบนโต๊ะ กินพื้นที่ไปครึ่งหนึ่ง จากนั่นเธอก็เริ่มแกะข้าวกล่องที่ถือมาและหยิบทิชชูมาไว้ข้างๆ กัน ทานข้าวกล่องของเธอไปอย่างสงบ เราก็ไม่ได้ถืออะไรน่ะ เพราะเราก็ทานข้าวมาแล้ว เราก็ก้มอ่านหนังสือของเราไปและสักพักเธอทานเสร็จปิดกล่องข้าวที่ทานหมด ถือกระเป๋าโน๊คนุ๊คจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย ในความคิดของฉันเธอควรเอากล่องข้าวที่ทานหมดแล้วใส่ถุงที่ถือมาเมื่อกี้นี้ไปใส่ในถังขยะซักคนอื่นๆ เขาอาจจะมานั่งตอนอีก (จะมีใครคิดเมื่อเราไหมน่ะ) แล้วที่ตรงหน้าฉันก็ไม่มีใครมานั่งต่ออีกเลยเพราะแค่กล่องข้าวของเธอคนนั้นนั่นเอง แต่ฉันก็นั่งอ่านหนังสือของฉันไปต่อแหล่ะ
สักพักหนึ่งฉันพักสายตามองไปรอบๆบ้าง คนเยอะเหมือนเดิม เด็ก คนแก่ หนุ่ม สาว ทุกเพศทุกวัย ฉันต้องหยุดซะงักเมื่อเห็นลุงแก่ๆคนหนึ่งที่นั่งโต๊ะตรงข้าม แกก็นั่งคนเดียวของแก่นะ ป้าคนหนึ่งเดินเข้ามาหันไปหันมา บ่กับลูกแกว่า"นั่งตรงไหนดีลูก โต๊ะเต็มหมด" แล้วแก่ก็เข้าไปยังโต๊ะลุงแก่ๆ คนนั่น เข้าไปนั่งกระเป๋าใบใหญ่ๆหรูๆ วางลากเก้าอี้ออกและนั่งทำเหมือนตาลุงคนนั้นไม่มีตัวตนเลย พอตาลุงแกเจอแบบนี้เข้าลุกเดินออกไปจากโต๊ะนั่นเลย ป้าแก่ยังไม่รู้สึกอีกหรือว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลยน่ะ แล้วลูกแกก็เข้าไปนั่งจนเต็มโต๊ะเลย สุดท้ายป้าแก่ก็มีโต๊ะนั่งพร้อมลูกๆ แกจนได้ ฉันก็นั่งอ่านหนังสือต่อไปถึงแม้ว่าจะรู้สึกว่ามีคนไม่ค่อยดีอยู่ใกล้ๆ ก็ตาม